Header Ads

ฮีโร่แห่งตำนาน''มิตร ชัยบัญชา''กับ41ปีแห่งความหลังที่ไม่เคยลืมเลือน

รำลึกถึงตำนานฮีโร่ วีรบุรุษชุดดำขวัญใจมหาชน อันโด่งดังในบท ''อินทรีแดง'' ของ ''มิตร ชัยบัญชา'' กับ 41 ปีแห่งความหลังที่ไม่เคยลืมเลือน


หากกดปุ่มย้อนกาลในอดีตได้...ให้หน้าปัดไทม์แมชีนหยุดนิ่ง ณ คาบเวลา 16.13 นาฬิกา ของวันพฤหัสบดีที่ 8 ต.ค. 2513 อันเป็นซึ่งเป็นวินาทีที่ มิตร ชัยบัญชา ลอยละลิ่วร่วงจากเฮลิคอปเตอร์ ณ หาดดงตาลจอมเทียน เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ขณะเข้าฉากภาพยนตร์เรื่องอินทรีทอง ในบทบาท ''โรม ฤทธิไกร'' หนีออกจากรังโจรด้วยการโหนบันไดเครื่องบินดิ่งลงมากระแทกจอมปลวกเสียชีวิตทันที

''มิตร ชัยบัญชา'' หรือชื่อเดิม ''บุญทิ้ง พุ่มเหม'' เกิดที่ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2477 ชีวิตวัยเด็กไม่ค่อยราบรื่น เพราะถูกพ่อแม่ทิ้งให้อยู่กับหลวงตาที่วัดกระเทียม และวัดสนามพราหมณ์ จ.เพชรบุรี จึงได้ชื่อว่า ''บุญทิ้ง'' ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็น ''พิเชษฐ์ พุ่มเหม''

''ด.ช.พิเชษฐ์'' เข้าเรียนครั้งแรกที่โรงเรียนประชาบาลวัดจันทร์ พออายุได้ 8 ขวบ จึงเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เรียนที่โรงเรียนไทยประสาท ย่านนางเลิ้ง ที่นี่เองเขาได้สร้างชื่อให้โรงเรียนด้วยการคว้าแชมป์มวยสากลนักเรียนสมัครเล่น 2 ปีซ้อน ในปี 2494-2495 จากนั้นสอบเข้านักเรียนจ่าอากาศ รับราชการเรื่อยมากระทั่งครองยศ ''จ่าอากาศโท'' ในฐานะครูฝึกกองพันต่อสู้อากาศยาน กรมอากาศโยธิน กองทัพอากาศ

ระหว่างรับราชการทหารอยู่นั้น มิตรมีโอกาสได้รู้จักกับ ''กิ่งแก้ว แก้วประเสริฐ'' นักหนังสือพิมพ์ ด้วยแนวคิดและอุดมคติใกล้เคียงกันทำให้คนทั้งสองสนิทสนมกัน และมักแวะเวียนไปมาหาสู่กันเสมอ กระทั่งได้รู้จักกับคนในแวดวงบันเทิงมากขึ้น ทั้ง ''สุรัตน์ พุกกะเวส'' ผู้อำนวยการ ''นิตยสารดาราไทย'' จุดนี้เองที่เป็นการเปิดเส้นทางชีวิตใหม่ให้กับ ''มิตร'' จากเด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งกลายมาเป็นจ่าอากาศโท ''พิเชษฐ์ พุ่มเหม'' ในที่สุดกลายมาเป็น ''มิตร ชัยบัญชา'' ดาราดังแห่งยุค

เส้นทางบนจอเงินของ ''มิตร'' เริ่มต้นขึ้นวันที่ 20 พฤศจิกายน 2500 เมื่อ ''ประทีป โกมลภิส'' และ ''รังสรรค์ ตันติวงศ์'' ผู้กว้างขวางในวงการภาพยนตร์ไว้วางใจมอบบท ''ไวย ศักดา'' พระเอกของเรื่อง ''ชาติเสือ'' ให้ เมื่อหนังออกฉายชื่อของ ''มิตร ชัยบัญชา'' ก็เริ่มเป็นที่รู้จัก แต่ที่ทำให้ชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำคือบทของ ''โรม ฤทธิไกร'' ตัวตนของ....''อินทรีแดง''...ในหนังเรื่อง ''จ้าวนักเลง''

หลังจากนั้นอีก 4 ปี ดาราหนุ่มที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์มามากพอสมควร จึงมีโอกาสโคจรมาพบกับ ''เพชรา เชาวราษฎร์'' ดาราหญิงชื่อดังแห่งยุคในเรื่อง ''บันทึกรักนวลฉวี'' เป็นเรื่องแรก... และนั่นส่งผลให้ทั้งคู่กลายเป็นดาราคู่ขวัญกันตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เนื่องจากทั้งเขาและเธอต่างก็มีโอกาสแสดงนำเป็นคู่พระ-คู่นาง ในหนังอีกอย่างน้อย 200 เรื่องในเวลาต่อมา

ชีวิตบนเส้นทางนักแสดงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะครั้งหนึ่งในปี 2504 ''มิตร'' ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะเดินทางไปดูสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง ''ทวนสุริยะ'' ได้รับบาดเจ็บสาหัสเกือบเอาชีวิตไม่รอด ลูกสะบ้าแตก หน้าแข้งหัก กะโหลกศีรษะกลางหน้าผากเจาะ และฟันหน้าบิ่น รักษาตัวอยู่นาน ก่อนจะหวนกลับเข้าวงการแสดงอีกครั้ง จน 2 ปีให้หลังที่หายจากอาการบาดเจ็บ ''มิตร'' ตัดสินใจลาออกจากกรมอากาศโยธิน กองทัพอากาศ เนื่องจากไม่มีเวลาให้อาชีพที่เขารักและใฝ่ฝันอยากเป็นในวัยเด็ก หันมาทุ่มเทให้กับงานที่สร้างชื่อเสียงให้เขาอย่างเต็มตัว

''มิตร'' กลับมาโด่งดังอีกครั้งในปี 2508 เมื่อได้ร่วมแสดงกับ ''พิศมัย วิไลศักดิ์'' จนได้รับพระราชทานรางวัล ''ดาราทอง'' จากคุณสมบัติ 4 ประการ คือ ''ศรัทธา หน้าที่ ไมตรี น้ำใจ'' และในปีนี้เอง ''พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ'' แห่ง ''ละโว้ภาพยนตร์'' ได้สร้างภาพยนตร์มาตรฐาน 35 มม. เรื่อง ''เงิน เงิน เงิน'' โดยมี ''มิตรและเพชรา'' เป็นพระนางคู่ขวัญ ทำรายได้มากเป็นประวัติการณ์ จนสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงมอบโล่รางวัลพระราชทานให้กับ ''มิตรและเพชรา'' ในฐานะที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้สูงสุดอีกด้วย

เป็นเวลานานกว่า 10 ปีที่ ''มิตร'' โลดแล่นอยู่บนแผ่นฟิล์มจนเป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศ ครั้งหนึ่งเขามีความคิดผันตัวเองมาทำงานด้านการเมือง โดยวันที่ 1 กันยายน 2511 ''มิตร'' ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาล แต่ไม่ประสบความสำเร็จ... แม้จะอกหักจากสนามเลือกตั้งครั้งแรก แต่เขาก็ยังไม่ย่อท้อ ปีต่อมา ''มิตร'' ลงสมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตพระนคร คู่กับ ''ปราโมทย์ คชสุนทร'' ซึ่งผลก็ออกมาเหมือนเดิม เขาไม่มีโชค บนสนามการเมืองเหมือนกับชีวิตนักแสดง เพราะหลังจากผิดหวัง 2 ครั้งซ้อน ''มิตร'' กลับมาแสดงหนังอีกครั้ง แต่ละเรื่องสร้างกระแสให้วงการหนังไทยสมัยนั้นตื่นตัวแทบทุกเรื่อง มิหนำซ้ำยังสร้างรายได้ถล่มทลายอย่างคาดไม่ถึง

ความเป็นนักคิดและพัฒนามีอยู่ในตัวพระเอกคนดัง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขาพยายามสร้างบรรทัดฐานให้วงการหนังไทย รวมถึงแนวคิดที่จะสร้างถาวรวัตถุ เช่น โรงภาพยนตร์ชัยบัญชา ที่เชิงสะพานผ่านฟ้า ตรงข้ามศาลาเฉลิมไทย แต่บังเอิญมาประสบอุบัติเหตุตกเฮลิคอปเตอร์ในหนังที่เขาเป็นผู้กำกับเอง โชคชะตาไม่เปิดโอกาสให้ ''มิตร ชัยบัญชา'' อีกเป็นครั้งที่สอง เพราะหลังจากรอดตายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้ว มาคราวหลังนี้เขาแทบจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเมื่อมือหลุดจากบันไดเชือกแล้วตัวเขาเองจะถึงกับหาชีวิตไม่

เพชรา เชาวราษฎร์ เคยกล่าวไว้ว่า ''ฉากจบเรื่องอินทรีทองเฮลิคอปเตอร์จะต้องบินออกไปกลางทะเล พระอาทิตย์จะตัดกับขอบทะเล ภาพตอนจบจะสวยมาก ฉันเชื่อเอาเองว่าอุบัติเหตุครั้งนี้มาจากนักบินที่บังคับเครื่องไปผิดทาง แทนที่จะขับออกทะเลไปตรงๆ กลับขับไปในดงตาล ซึ่งระยะทางไกลกว่ากันมาก ทำให้พี่ ''มิตร'' หมดแรงตกลงมาเสียชีวิต''

''เพชรา'' มองว่าในฐานะที่เธอเป็นทำหน้าที่ช่วยประสานงานกับทุกฝ่ายจึงรู้คิวและทิศทางที่เฮลิคอปเตอร์จะต้องบินไป ส่วน ''มิตร'' เป็นผู้กำกับฯ ก็จริงแต่เขาจะไม่พะวงเรื่องทิศทางการบินของเฮลิคอปเตอร์ แต่จะสนใจเฉพาะบทบาทที่แสดง ทำอย่างไรให้ออกมาดีเท่านั้น พร้อมกันนี้ ''เพชรา'' ยังเล่าถึงลางสังหรณ์ด้วยว่า ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน ได้พบกับมิตรในบาร์ใต้โรงถ่ายร่วมพัฒนา ก้าวแรกที่เดินไปพบต้องตกตะลึงไปชั่วขณะ เพราะหน้าตา ''มิตร ชัยบัญชา'' ดาราคู่ขวัญที่แสดงหนังมาด้วยกันแทบนับไม่ถ้วน ผิดปกติไปเหมือนกับใคร ที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ''หน้าพี่มิตรจะใหญ่ผิดปกติ มิหนำซ้ำยังมีสีออกม่วงๆ ดำๆ ซึ่งไม่เคยเห็นและเคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน ครั้นจะทักก็ไม่ทัน เพราะพี่เขารีบไปเข้ากล้องถ่ายทำหนังต่อ''

ถึงแม้ว่าอดีตดาราคู่ขวัญจะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ทุกวันนี้เมื่อมีโอกาส ''เพชรา'' จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เสมอๆ ไม่เฉพาะครบรอบวันตายเท่านั้น โดยทำแกงส้มมะละกอกับผักกระเฉด และเนื้อทอดกระเทียมพริกไทย ซึ่งเป็นอาหารจานโปรดของ มิตร ชัยบัญชา

ขณะที่ น.ส.ประภาภรณ์ อินเนตร อายุ 30 ปี น้องสาวของ ''มิตร'' ซึ่งปัจจุบันประกอบอาชีพค้าขายอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ญาติๆ ของ ''มิตร'' แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง หลังจากขายบ้านย่านนางเลิ้ง ไม่ค่อยได้ติดต่อกันแม้แต่ นายยุทธนา พุ่มเหม ลูกชายคนโตของมิตรด้วย ''ฉันเป็นคนเก็บข้าวของทุกอย่างของพี่มิตรไว้ กระดูกก็เอาไปไว้ที่วัดแคนางเลิ้ง ทุกปีที่วัดจะจัดงานให้ เพราะพี่มิตรเป็นที่รักใคร่ของทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุปนิสัยใจคอ การวางตัว หรือการแสดง จะสังเกตได้จากที่เก็บกระดูกของพี่มิตรจะมีคนมากราบไหว้ตลอดเวลามีดอกไม้สดทุกๆ วัน''

บทความโดย .siamdara.com

ไม่มีความคิดเห็น